4 วิธีดูแลรถหน้าฝนให้เงางามอยู่เสมอ

4 วิธีดูแลรถหน้าฝนให้เงางามอยู่เสมอ

พอเข้าสู่ฤดูฝนทีไร สิ่งที่คนรักรถหลายคนกังวลไม่แพ้กันนั้นคือเรื่องความเงางามของรถ การดูแลรถหน้าฝนจึงสำคัญ เรียกได้ว่าพอๆกับการดูแลเรื่องอะไหล่ อุปกรณ์ และสมรรถนะรถยนต์เลยทีเดียว ซึ่งวิธีการดูแลรถหน้าฝนไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่ดูแลเป็นประจำสม่ำเสมอ บทความนี้เลยสรุป 4 วิธีในการดูแลรถหน้าฝนให้เงางามอยู่เสมอมาให้ทุกคนแล้ว

 

1. ปกป้องสีรถ

สำหรับวิธีทั่วไปถือว่าเป็นวิธีการช่วยปกป้องสีรถที่สามารถทำได้ทุกวัน แต่ในบางครั้งเราก็อาจไม่สามารถเลือกจอดรถในร่มได้ อาจไม่มีเวลาในการเช็ดคราบฝนทันที หรือ ไม่สามารถนำรถไปล้างได้ทุกสัปดาห์ ดังนั้นการ Wrap สีรถยนต์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยดูแลรถหน้าฝนที่ช่วยรักษาความเงางามของสีรถ ป้องกันคราบ รอยขนแมว สิ่งสกปรกต่าง ๆได้ แถมยังช่วยประหยัดเวลาได้อีกด้วย โดยหากพูดถึงข้อดีในการเลือก Wrap สีรถสำหรับการดูแลหน้าฝนนั้น มีดังนี้

• ป้องกันการกัดกร่อนจากฝน
การ Wrap สีรถจะช่วยปกป้องสีรถจากฝนและสารเคมีที่มักพบในน้ำฝนที่อาจทำให้สีรถถูกกัดกร่อนได้

• ป้องกันรอยขีดข่วน
กทำหน้าที่เป็นชั้นป้องกันที่ช่วยลดความเสียหายจากรอยขีดข่วนหรือกระแทกเล็กน้อย เช่น ในกรณีที่เกิดลูกเห็บ หรือ กิ่งไม้ล่วงจากกรณีฝนตกหนักเมื่อเกิดพายุ

• ลดการเกิดสนิม
การ Wrap สีรถช่วยปกป้องตัวรถจากความชื้นและน้ำที่อาจนำไปสู่การเกิดสนิม

• คุณสมบัติของฟิล์ม Wrap รถ
เนื่องจากสามารถเปลี่ยนสีหรือเพิ่มลวดลายให้กับรถได้ ทำให้รถดูใหม่และสวยงามยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกฟิล์มที่มีคุณสมบัติกันน้ำเป็นพิเศษได้อีกด้วย

2. ล้างรถให้สม่ำเสมอ

เชื่อว่าหลายคนคงลังเลไม่น้อยว่าจะนำรถไปล้างดีมั้ย ฝนจะตกหรือป่าว ควรล้างรถมั้ยในหน้าฝน ซึ่งจริง ๆ แล้ว การล้างรถก็ถือว่าสำคัญ เพราะถ้าไม่ล้างรถนอกจากบริเวณภายนอกตัวรถอาจจะเครอะได้ง่ายแล้ว ภายในตัวรถก็จะไม่ได้รับการดูดฝุ่นเช่นกัน และนอกจากนั้นแล้วการดูแลเรื่องของสีรถก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งประเภทของการล้างรถก็มีหลากหลาย ซึ่งบทความนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจในการดูแลรถหน้าฝนเรื่องของความถี่ในการล้างรถ โดยเริ่มจากไปดูกันก่อนเลยว่ามีประเภทใดบ้าง แบบไหนที่ตอบโจทย์

• ล้างรถแบบธรรมดา เป็นการล้างรถทั่วไป ใช้น้ำยาล้างรถ ฟองน้ำ และผ้าเช็ดรถ ซึ่งส่วนใหญ่จะรวมบริการเสริมสำหรับทำความสะอาดภายในรถ ดูดฝุ่นตามเบาะ พื้นรถ และคอนโซลหน้าในการล้างรถปกติอยู่แล้ว
• ล้างรถแบบอัดฉีด ที่จะใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างคราบสกปรก เหมาะสำหรับรถที่มีคราบสกปรกฝังแน่น
• ล้าง + เคลือบสีรถ เป็นบริการที่ล้างรถ และเคลือบสีรถด้วยน้ำยาชนิดต่างๆ ช่วยปกป้องสีรถจากแสงแดด ฝน และคราบสกปรก
• ขัดสีรถ คือ บริการขัดสีรถเพื่อลบรอยขีดข่วน รอยขนแมว และทำให้สีรถเงางาม

และเนื่องจากหน้าฝนเป็นช่วงที่รถต้องเผชิญกับหลายสิ่งอย่างมากกว่าปกติ ทั้งฝน ฝุ่นละออง คราบสกปรกต่างๆ
ซึ่งสามารถล้างอาทิตย์ละครั้งตามปกติได้ หรือ อาจล้าง + เคลือบสีรถเพื่อดูแลรถหน้าฝนอย่างเหมาะสม แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถลดลงได้ หากรถได้รับการ Wrap สี เพราะสติ๊กเกอร์ที่ห่อหุ้มตัวรถนั้นจะช่วยให้ตัวรถได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ และทำให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสที่จะเกิดคราบฝังแน่น แต่ในบางกรณีด้านล่างนี้ อาจจะลองพิจารณาในการปรับเปลี่ยนความถี่ในการล้างรถเช่นเดียวกัน

• จอดรถกลางแจ้ง
เนื่องจากและแสงแดด อาจทำให้สีรถซีดจาง หรือ เกิดคราบ
• ขับบนถนนที่มีฝุ่นเยอะ
ฝุ่นละออง คราบโคลนอาจเกาะตัวถังรถ ล้อ
• ลุยน้ำท่วม
น้ำท่วมอาจมีเศษต่าง ๆ ติดตามใต้ท้องรถ หรือ ตัวรถ จึงควรล้างรถทันที
• มีคราบสกปรก
เนื่องจากคราบสกปรกต่างๆ อาจทำให้เกิดการฝังแน่น

3. เช็ดคราบฝนทันที

นี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับในการดูแลรถหน้าฝน เพราะเป็นเรื่องเล็ก ที่ช่วยได้ไม่น้อยเลย เพราะช่วยในเรื่องของการรักษาสีรถ และความเงางามได้ไม่มากก็น้อย นอกจากนั้นแล้วการแร็ปสีรถจะช่วยทำให้การเช็ดคราบฝนทำได้ง่ายขึ้น ด้วยพื้นผิวของสติ๊กเกอร์ที่แร็ปสีรถที่ทำให้มีความเรียบเนียน และเอื้อต่อการทำความสะอาด โดยการเช็ดคราบฝนนั้นมีข้อดีสำหรับการดูแลรถหน้าฝน ดังนี้

3.1. ป้องกันคราบฝังแน่น

• ฝน มลภาวะ ละอองและสารเคมีต่างๆ ที่ปะปนมากับฝน
• คราบเหล่านี้หากทิ้งไว้แห้งบนรถ อาจฝังแน่นได้ และทำให้ล้างออกยาก
• อาจทำให้สีรถซีดจาง เกิดรอยด่าง และเสียหาย

3.2. รักษาความเงางามของสีรถ

• คราบฝนที่แห้งบนรถ จะทำให้สีรถมีความหมองได้
• การเช็ดคราบฝนออกทันทีจะช่วยให้สีรถยังคงความเงางาม

3.3 ป้องกันการเกิดสนิม

• คราบฝน โดยเฉพาะฝนกรด มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง
• หากทิ้งไว้บนตัวถังรถนานๆ อาจทำให้สีรถลอก เกิดสนิม

4. จอดรถในร่ม

เชื่อว่านี้เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนคงทำเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะแดดเอย อากาศเอย การจอดรถในร่มถือว่าช่วยได้มาก ซึ่งการดูแลรถหน้าฝนนั้น การจอดรถในร่มก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน และการปกป้องรถด้วยการ Wrap สี็ก็เหมือนการทาครีมกันแดดให้รถที่เรารัก เพราะช่วยเพิ่มเกราะป้องกันให้รถได้อีกด้วย

• ป้องกันความเสียหาย
บางครั้งฝนอาจมีกรด หรือ สารเคมีที่สามารถทำลายสีรถได้ การจอดในร่มจะช่วยปกป้องสีรถจากการถูกกัดกร่อนได้

• ป้องกันการเกิดสนิม
เมื่อรถจอดกลางฝนตกหนักเป็นเวลานาน ความชื้นอาจนำไปสู่การเกิดสนิมในส่วนต่างๆ ของรถ การจอดในร่มจะช่วยป้องกันความชื้นและลดการเกิดสนิมได้

• ปกป้องภายในรถ
การจอดในร่มช่วยปกป้องส่วนประกอบภายในรถ เช่น เบาะและระบบไฟฟ้าจากความชื้นและน้ำที่อาจซึมเข้าไป หากบริเวณยางขอบประตู หรือ ยางบริเวณกระจกตรงหลังคาเสื่อมสภาพ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการดูแลรถหน้าฝนเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว

 

ดังนั้นแล้วการดูแลรถหน้าฝนจึงควรดูแลทั้งในเรื่องของการขับขี่จากการตรวจเช็คสภาพรถ และคอยดูแลภายนอกตัวรถเป็นประจำทุกวันอย่างการจอดรถในที่ร่ม หมั่นเช็ดรถ นำรถไปล้างตามความเหมาะสม โดยหากใครกำลังมองหาตัวช่วย และประหยัดเวลาในการดูแลสีรถ การ Wrap รถยนต์ก็ถือว่าตอบโจทย์ โดยสามารถดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อดีของการ Wrap รถยนต์ได้ที่นี้

The NeXT Everything Shine and Shield