วิธีเลือกฟิล์มใสกันรอยสำหรับรถยนต์ ให้เหมาะกับการขับรถ
วิธีเลือกฟิล์มใสกันรอยสำหรับรถยนต์ ให้เหมาะกับการขับรถ
ถ้ารถยนต์มีความรู้สึก รถคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารน่าดู เพราะต้องคอยอดทนกับรอยขีดข่วน เศษดิน เศษหิน เศษทราย และความเสียหายประเภทอื่น ๆ อีกมากมาย ในระหว่างการเดินทาง สภาพภายนอกรถที่โดนสภาพแวดล้อมทำร้าย จนอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ทำให้คนรักรถแบบพวกเรา อดไม่ได้ที่จะสงสารรถยนต์ตัวเอง และอยากให้มันได้รับการรักษาบ้าง อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลสำหรับรถคงจะไม่มีอยู่จริง แต่เราสามารถปกป้องรถที่เรารักได้ ให้รถดูใหม่อยู่เสมอ โดยการติดฟิล์มใสกันรอย เพื่อช่วยดูแลรักษาจากรอยขีดข่วน เพียงเท่านี้รถคุณก็ได้รัการปกป้อง จากภัยร้ายที่คอยทำร้ายผิวรถอยู่ตลอด ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักรายละเอียด เกี่ยวกับวิธีเลือก ฟิล์ม ใสกันรอย ไม่ว่าจะเป็นเลือกจาก ประโยชน์ ประเภท ราคา และยี่ห้อ มาดูไปพร้อมกันเลย
ฟิล์มใสกันรอยคืออะไร ?
ฟิล์มใสกันรอย (Paint Protection Film) เป็นฟิล์มใสที่เอาไว้ติดภายนอกตัวรถ และมีความสามารถในการป้องกันสีรถ จากรอยขีดข่วน ความเสียหาย หรือ คราบสกปรกต่าง ๆ ได้ ซึ่งวัสดุของฟิล์มใสกันรอยมีความหนา เหนียว ยืดหยุ่น และคงทน ทำให้ตัวฟิล์มสามารถทนต่อสารเคมี สภาพอากาศ และรังสียูวี ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่มีความใสและโปร่งแสง ทำให้ตัวฟิล์มยกระดับความเงางามของสีของรถได้อีกด้วย
ที่มาของฟิล์มใสกันรอย เกิดขึ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหาร ในช่วงยุคสงครามเวียดนาม เพื่อเอาไว้ใช้ปกป้องใบพัดเฮริคอปเตอร์ และยานพหานะจากความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ระหว่างการรบ เพราะมีคุณสมบัติซ่อมแซมตัวเองได้ จากรอยขีดข่วน ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์เห็นประโยชน์ตรงนี้ แล้วนำเอาฟิล์มชนิดนี้ใช้กับรถบ้าง ด้วยประโยชน์ของของฟิล์มใสกันรอย จึงทำให้เป็นที่นิยมมากขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้
โดยสรุป ฟิล์มใสกันรอย เป็นฟิล์มสารประโยชน์ ที่เหมาะกับการเอามาใช้กับผิวภายนอกของรถยนต์ เพราะมีความสามารถเป็นเหมือนเกราะป้องกันผิวภายนอกรถ จากอันตรายบนท้องถนน ที่คอยทำร้ายรถที่เรารักในทุกวัน รวมถึงยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้ดูดีและเหมือนใหม่กับรถคุณอีกด้วย
ฟิล์ม ใสกันรอย เหมาะกับ การขับรถอย่างไร ?
คนรักรถอย่างพวกเราคงเคยสงสัยกันว่า พอจะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะคอยป้องกันรถยนต์ ในทุกการเดินทางบนท้องถนน เพราะรถเป็นเหมือนคู่หูทุกการเดินทาง ที่นอกจากจะช่วยให้เราไปถึงที่หมายแล้ว ยังคอยปัดเป่าอันตรายต่าง ๆ บนท้องถนน จนทำให้ตัวรถมีรอยขีดข่วนและสีที่จางลง ฟิล์มใสกันรอยอาจจะเป็นคำตอบสำหรับความกังวลนี้ โดยอ้างอิงจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ฟิล์มใสกันรอยมีคุณสมบัติเป็นพลาสติก ที่มีจุดเด่นด้านการป้องกันแรงกระแทก การกัดกร่อน และรอยขีดข่วน รวมถึงจุดเด่นด้านซ่อมแซมตัวเองได้ เนื่องจากรอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ จะหายไปเอง หากเวลาผ่านไปหรือใช้ความร้อนช่วย
จากประโยชน์ข้างต้น เราจะอธิบายถึงหลักการทำงานของฟิล์มใสกันรอยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ถึงเหมาะกับการขับรถ โดยฟิล์มใสกันรอยมีอยู่ 3 ชั้นด้วยกัน และแต่ละชั้นมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ชั้นบนสุดเป็นชั้นเคลือบเงาใสที่สามารถลบรอยขีดข่วนเองได้ ชั้นกลางเป็นชั้นฟิล์มยูรีเทนที่สามารถซึมซับแรงกระแทกได้ดี และชั้นล่างเป็นชั้นเชื่อมที่คอยต่อฟิล์มใสกันรอยและผิวรถให้ติดกัน ด้วยความสามารถในแต่ละชั้นที่รวมตัวกันแล้ว จะทำให้รถยนต์รอดพ้นจากอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา เช่น หิน ดิน ทราย ขี้นก รังสียูวี เป็นต้น รวมถึงช่วยรักษารถยนต์ให้ดูดีเหมือนซื้อใหม่ และเพิ่มอายุการใช้งานของรถได้นานมากขึ้น
ประเภทของ ฟิล์ม ใสกันรอย
ในตลาดฟิล์มกันรอยปัจจุบัน มีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย PVC TPH และ TPU โดยคุณสมบัติของแต่ละเนื้อฟิล์ม มีความแตกต่างแตกต่างเป็นอย่างมาก ในด้านคุณภาพ และการใช้งาน ที่เหมาะกับการขับรถ
-
PVC (Polyvinyl Chloride)
ฟิล์มกันรอยประเภทนี้เป็นฟิล์มที่คิดค้นมาเป็นตัวแรกสุด และถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเช่นกัน เพราะมีราคาถูก อย่างไรก็ตาม ฟิล์มชนิดนี้มีข้อด้อยด้านคุณภาพ เช่น มีความแข็งและยืดหยุ่นต่ำ ทำให้ขั้นตอนติดตั้งยุ่งยาก โดยต้องใช้ความร้อนยืด และเคลือบบนพื้นผิวรถยนต์ มีอายุการใช้งานที่ต่ำเพียง 1 – 3 ปี มีความหนาที่ต่ำเพียง 50 – 100 ไมครอน ทำให้ป้องกันรอยขีดข่วน และสะเก็ดหินได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น เป็นต้น โดยรวมจะเหมาะสำหรับการเคลือบสีรถเพื่อความสวยงาม มากกว่าป้องกันตัวรถ
-
TPH (Thermoplastics Polyurethane Hybrid)
ฟิล์มกันรอยประเภทนี้เป็นฟิล์มที่ดีในระดับกลาง เพราะด้านคุณภาพดีกว่า PVC แต่ไม่สามารถเทียบเท่า TPU ด้วยตัวฟิล์มผสมรวม PVC กับ สารปรุงแต่งอื่น ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อลดต้นทุนฟิล์มกันรอย ฟิล์มชนิดนี้มีจุดเด่นที่ดีกว่าฟิล์มกันรอยประเภท PVC ในทุกด้าน เช่น มีความนุ่ม มีความยืดหยุ่น มีอายุการใช้งานที่มากขึ้นประมาณ 3 ปี มีความหนา 120 – 200 ไมครอน ทำให้ทนทานรอยขีดข่วนและสะเก็ดหินได้ดี เป็นต้น โดยรวมจะเหมาะสำหรับใช้งานมากกว่าฟิล์มกันรอย PVC เพราะมีการพัฒนาเพื่อการใช้งานที่ตอบโจทย์มากขึ้น
-
TPU (Thermoplastic Polyurethane)
ฟิล์มกันรอยประเภทนี้เป็นฟิล์มที่ดีที่สุดในตอนนี้ ถือได้ว่าเป็นฟิล์มรุ่นใหม่ มาตฐานระดับดีเยี่ยม ในด้านคุณภาพและการใช้งาน ฟิล์มชนิดนี้มีข้อจุดเด่นในทุกด้าน เพราะถูกออกแบบมา เพื่อให้แก้ไขข้อเสียฟิล์มกันรอยประเภทอื่น เช่น มีความนุ่มและยืดหยุ่นสูง ทำให้ง่ายต่อการเคลือบบนพื้นผิวรถยนต์ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากประมาณ 5 – 7 ปี มีความหนาที่เยอะประมาณ 150 – 200 ไมครอน ทำให้ทนทานรอยขีดข่วน และแรงกระแทก จากสะเก็ดหินและการชนแบบเบา ๆ ได้ดี โดยรวมเป็นฟิล์มกันรอยที่เหมาะสำหรับใช้งานมากที่สุด เพราะมีคุณภาพวัสดุที่ดี และมีการใข้งานที่ตอบโจทย์ต่อการขับรถ
ค่าใช้จ่ายของการติดฟิล์มใสกันรอย
การติดฟิล์มใสกันรอยบนรถยนต์ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อปกป้องรถคุณจากความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงเพิ่มอายุการใช้งาน และความสวยงามของสีรถ ดังนั้น การติดฟิล์มใสกันรอยมีค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณา เพราะมีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคา เพื่อให้การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่าที่สุด มาดูกันว่าจะปัจจัยค่าใช้จ่ายมีอะไรบ้าง
- ประเภทและยี่ห้อของฟิล์มใสกันรอย : ด้วยฟิล์มใสกันรอยที่มีคุณภาพและประโยชน์ ต่อการดูแลรักษารถยนต์มากขึ้นเท่าไหร่ ราคาก็จะสูงขึ้นตามเช่นกัน
- ขนาดของรถยนต์ : ด้วยรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ และมีพื้นที่มากขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้น ตามการติดฟิล์มที่มากขึ้นเช่นกัน
- สภาพของรถยนต์ : ด้วยรถยนต์ที่มีปัญหา อย่างรอยแตกหรือรอยขีดข่วน ทำให้ต้องแก้ไขปัญหาส่วนนี้ก่อนติดฟิล์มใสกันรอยทุกครั้ง ราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามมาเช่นกัน
- ความยากง่ายในการติดฟิล์มใสกันรอย : ด้วยวิธีการติดฟิล์ม มีความยากง่ายแตกต่างกันไป ในแต่ละประเภทและลักษณะรถยนต์ ทำให้ความยากหรือความง่ายในการทำ มีผลต่อราคานั่นเอง
เลือก ฟิล์ม ใสกันรอย ที่ไหนดี ?
หลังจากรู้วิธีเลือก ฟิล์ม ใสกันรอย ให้เหมาะกับรถของคุณในเบื้องต้นแล้ว คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าควรติดตั้ง ฟิล์ม ใสกันรอย ที่ไหนดี ถึงจะได้ของดีและคุ้มค่า แม้ว่าจะมีสถานที่ให้บริการติดฟิล์มใสกันรอยมากมาย แต่เราขอแนะนำ “บริการติดตั้งฟิล์มใสกันรอย warp เปลี่ยนสีรถครบวงจร” ของศูนย์บริการ THE NeXT เพื่อให้รถของคุณ ได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด ในทุกการขับรถ
บริการติดฟิล์มใสกันรอย THE NeXT
โดยทาง THE NeXT เลือกใช้ ฟิล์ม ใสกันรอย ประเภท TPU ที่มีมาตฐานและเกรดดีที่สุด ณ ตอนนี้ ซึ่งเนื้อฟิล์มให้ความเงา และความใสที่สุดในท้องตลาด ด้วยความหนาที่มากถึง 190 – 220 ไมครอน ทำให้เพิ่มชั้นป้องกันรอยขีดข่วน และแรงกระแทกแก่รถยนต์ นอกจากนี้ ทางร้านติดตั้งฟิล์มโดยช่างผู้เชี่ยวชาญด้านการติดฟิล์ม ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี รวมถึงติดตั้งฟิล์มด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งช่วยลดรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการติดตั้งอีกด้วย ในส่วนบริการหลังการติดตั้ง ทางร้านมีการรับประกัน ฟิล์มใสกันรอยอยู่ที่ 60 วัน หากฟิล์มเกิดเหลือง ร่น กรอบ และขุ่น ก็สามารถเข้ามาเปลี่ยนกับทางร้านได้เลย
ฟิล์มใสกันรอย THE NeXT
โดยทาง THE NeXT เลือกใช้ ฟิล์มใสกันรอย NXTZEN Elite PPF ที่มีจุดเด่นด้านการเพิ่มชั้นป้องกันให้กับรถยนต์ เพราะฟิล์มยี่ห้อนี้สามารถกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี รวมถึงตัวเนื้อฟิล์มมีคุณสมบัติในการซ่อมแซมตัวเอง โดยรวมฟิล์มกันรอย NXTZEN เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการดูแลและป้องกันรถคุณ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้ผิวรถยนต์ ยังช่วยให้รถคุณดูใหม่และสวยงามมากยิ่งขึ้นอีกด้วย